
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ขอร่วมแสดงความยินดีกับทีมนักวิจัย BIOTEC ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ คว้ารางวัลมาได้ถึง 5 รางวัล จาก 2 ผลงานเด่น เรื่อง “TB-LyoAmp: ชุดตรวจวัณโรคแบบผงแห้งจากการป้ายลิ้นหรือใช้เสมหะ” และโครงงานวิจัยเรื่อง iTB Scanner: An intelligent microscope for early TB detection โครงงานวิจัยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาร่วมของนักเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ชลบุรี จากเวที International Exhibition of Inventions Geneva 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 เมษายน 2568 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



ผลงาน B-LyoAmp ไบโอเทค คว้า 3 รางวัล Geneva 2025
ผลงานวิจัยนักวิจัยไบโอเทค เรื่อง “TB-LyoAmp: ชุดตรวจวัณโรคแบบผงแห้งจากการป้ายลิ้นหรือใช้เสมหะ” คว้า 3 รางวัล
- รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal)
- รางวัลพิเศษ (Special prize) จาก Wan Global Invention & Innovation Enterprise สหพันธรัฐมาเลเซีย
- รางวัล NRCT Honorable Mention Award for the excellent invention จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ผลงานวิจัย “TB-LyoAmp: ชุดตรวจวัณโรคแบบผงแห้งจากการป้ายลิ้นหรือใช้เสมหะ” เป็นผลงานวิจัยของคณะวิจัย BIOTEC จากทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ประกอบด้วย ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย นางสาวญาดา องค์ชาญชัย และนางสาวมัลลิกา แก้วโยธา ร่วมกับคณะวิจัยจากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร มหาวิทยาลัยนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น และ SLH-NU Research and Training Collaborating Center โรงพยาบาลซานลาซาโร ประเทศฟิลิปปินส์


ผลงาน TB-LyoAmp เป็นการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อวัณโรคด้วยเทคนิคแลมป์แบบผงแห้ง (Freeze dried LAMP) ร่วมกับ ATK-like cassette test โดยชุดตรวจดังกล่าวประกอบด้วยเทคนิคต่าง ๆ 4 เทคนิค ดังนี้ 1) เทคนิคแลมป์ สำหรับเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมของเชื้อวัณโรค 2) เทคนิคอิมมูโน โครมาโตกราฟี สำหรับตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อวัณโรคที่ผ่านการเพิ่มปริมาณแล้ว โดยเป็นการทดสอบในแนวราบแบบ lateral flow สามารถอ่านผลได้ด้วยตาเปล่า และไม่ต้องใช้เครื่องมือตรวจวัด 3) เทคนิค Lyophilization การระเหิดสาร ณ อุณหภูมิต่ำ สำหรับเปลี่ยนรูปแบบสารละลายแบบน้ำเป็นแบบผงแห้ง ซึ่งช่วยยืดอายุการเก็บรักษา และลดความยุ่งยากในการขนส่งและใช้งานจริง และ 4) เทคนิคการสกัดดีเอ็นเอของเชื้อวัณโรคจากการป้ายลิ้น โดยการเพิ่มการใช้อนุภาคแม่เหล็ก (magnetic bead) เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ความบริสุทธิ์ และปริมาณดีเอ็นเอของเชื้อวัณโรค
ทั้งนี้ ชุดตรวจ TB-LyoAmp มีจุดเด่นคือ
1) ตัวอย่างที่ใช้ทดสอบเป็นการป้ายลิ้น ทำให้การเก็บตัวอย่างสามารถทำได้ง่ายแม้แต่ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
2) น้ำยาตรวจในรูปผงแห้ง สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง ทำให้การขนส่งและการใช้งานง่ายขึ้น
3) สามารถตรวจเชื้อวัณโรคน้อยที่สุดเพียง 1 เซลล์
4) ใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และทราบผลการตรวจ ภายใน 2 ชั่วโมง และ
5) ใช้เครื่องมือที่มีราคาถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เครื่อง GeneXPERT ที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของชุดตรวจ TB-LyoAmp ในระดับคลินิก โดยการตรวจหาเชื้อวัณโรคจากอาสาสมัครผู้ป่วยวัณโรคของประเทศไทยและประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 960 ราย เพื่อใช้ในการวางแผนขยายผลการนำไปใช้งานในพื้นที่อื่น ๆ
ผลงาน iTB Scanner ร่วมเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี คว้า 2 รางวัล Geneva 2025
- รางวัลเหรียญทองแดง (Bronze Medal)
- รางวัล NRCT Honorable Award for the excellent invention จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
โครงงานวิจัยเรื่อง iTB Scanner: An intelligent microscope for early TB detection เป็นโครงงานวิจัยของนักเรียนจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี ได้แก่ นายปีระกา พวงทอง และ นายปัณธร ขุนโหร ภายไต้การกำกับดูและของ อาจารย์วิเชียร ดอนแรม โดยมี ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ ทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ และ นพ.แธนธรรพ์ แสงภู่ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดระยอง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม

วัณโรคปอดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อ Mycobacterium tuberculosis ซึ่งประเทศไทยนิยมตรวจวัณโรคด้วยวิธีการตรวจเสมหะ Acid-Fast Bacillus (AFB) โดยการนำเสมหะตัวอย่างไปย้อมสีที่มีความจำเพาะต่อเชื้อวัณโรคและนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ แต่มีโอกาสที่จะไม่พบเชื้อหากมีปริมาณของเชื้อวัณโรคต่ำ ทำให้ต้องใช้เวลานานในการค้นหาเชื้อเพื่อยืนยันการติดเชื้อวัณโรค ดังนั้น เพื่อให้การคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคมีความรวดเร็วแม่นยําและมีประสิทธิภาพ ผลงานวิจัยนี้จึงได้พัฒนาเครื่องตรวจหาเชื้อวัณโรคด้วยกล้องจุลทรรศน์อัจฉริยะ (iTB Scanner) โดยการผสานเทคโนโลยีทางวิศวกรรมเครื่องกลกับปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตรวจหาเชื้อวัณโรคด้วยวิธี Acid-Fast Bacillus (AFB) โดย iTB Scanner ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 1) iCyto: Autoscope vision ชุดอุปกรณ์เสริมสำหรับควบคุมการเลื่อนสไลด์และถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถส่องหาเชื้อเป้าหมายภายใต้กล้องจุลทรรศน์ได้สะดวกและรวดเร็ว 2) iScanner ซอฟต์แวร์สำหรับตรวจจับเชื้อเป้าหมายบนภาพถ่าย ซึ่งมีความแม่นยำในการตรวจหาเชื้อวัณโรคได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ และใช้ระยะเวลาในการถ่ายภาพและประมวลผลภายใน 2 นาที ปัจจุบันคณะวิจัย ศช. ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ระหว่างปรับปรุง ประเมินประสิทธิภาพ และ validate iTB Scanner ด้วยตัวอย่างทางคลินิก (clinical samples) เพื่อให้การตรวจวัณโรคเป็นไปด้วยความรวดเร็วและแม่นยํามากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่กระจายของวัณโรค


ดร.วันเสด็จ มีบทบาทในการให้คำปรึกษา และแนะนำแนวทางในการพัฒนาโครงงาน จัดหาแหล่งค้นคว้าข้อมูล รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งให้นักเรียนได้เข้ามาทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ BIOTEC ตลอดจนกำกับ ติดตามการทำงาน และประเมินผลโครงงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดหาตัวอย่างทางคลินิกและช่วยทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์ เพื่อให้โครงงานสำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์ นับเป็นอีกบทบาทหนึ่งของนักวิจัย BIOTEC ในการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ สร้างแรงบัลดาลใจให้เยาวชนในการพัฒนาชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “การประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (Young Scientist Competition หรือ YSC)” ซึ่งดำเนินการโดย สวทช. ธนาคารไทยพาณิชย์ และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อส่งเสริมศักยภาพนักเรียนไทยสู่การเป็นนักวิจัยคุณภาพในอนาคต เป็นผู้สนับสนุนหลักในการพัฒนาและส่งเสริมผลงานสู่เวทีนานาชาติ”



ทั้งนี้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้นำผลงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงในงาน The 50th International Exhibition of Inventions Geneva จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 เมษายน 2568 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยการสนับสนุนของรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิส (The Swiss Federal Government of the State, the City of Geneva) และองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (The World Intellectual Property Organization: WIPO) เป็นงานแสดงผลงานจากนักประดิษฐ์ทั่วโลกที่มีนักประดิษฐ์กว่า 40 ประเทศ นำผลงานเข้าประกวดและจัดแสดงกว่า 1,000 ผลงาน สำหรับในปี 2568 วช. ได้นำสิ่งประดิษฐ์ ผลงานวิจัย และนวัตกรรมจากประเทศไทยเข้าร่วมนำเสนอมากกว่า 120 ผลงาน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ให้สามารถแสดงสมรรถนะและขีดความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณภาพและศักยภาพในระดับสากล ตลอดจนสร้างโอกาสในการต่อยอดผลงานสู่เชิงพาณิชย์และการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ

